ประสบการณ์ทำงานราชการต่างประเทศ ตอนที่ 3: ฟิลิปปินส์ ไม่เห็นเหมือนที่คิดไว้

งานประชุมนานาชาติ AAPA

ครั้งนี้มีโอกาสได้มาทำงานที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อมานำเสนองานวิชาการในงานประชุมนานาชาติ 2019 Annual Conference of the Asian Association for Public Administration (AAPA) ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดให้เราส่งเปเปอร์ที่จะนำเสนอธีมนโยบายสาธารณะ หรือเกี่ยวกับการบริหารงานภาครัฐ โดยงานสัมมนานี้จะจัดขึ้นทุกปี และปีนี้เจ้าภาพคือฟิลิปปินส์ งานจัดที่มหาวิทยาลัย De La Salle กลางกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของที่นี่ (staff ของงานนี้ส่วนใหญ่ก็คือนักศึกษามหาลัยที่มาช่วยดูแลความเรียบร้อย ซึ่งเป็นกลยุทธที่ดี เพราะเจ้าภาพก็ไม่เสียเงินจ้างออกาไนซ์เยอะ และนักศึกษาก็ได้ฝึกงานไปด้วย)

เราเป็นตัวแทน 1 ใน 3 จากทีม สตง.ไทย เพื่อเข้าร่วมนำเสนองานภายใต้หัวข้อ “Why government auditor should concern SDGs: Experiences from SAI of the Kingdom of Thailand” ประมาณว่า สตง.ไทยมีบทบาทในการตรวจสอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างไรบ้าง โดยครั้งนี้งานจะแบ่งเป็น 3 วัน คิวนำเสนอของเราเป็นวันสุดท้าย โดยจะมีการแยกห้อง parallel session คือจัดห้องนำเสนอตามธีม และให้ผู้เข้าร่วมเลือกได้ว่าจะเข้าห้องไหนที่ตัวเองสนใจ ช่วงที่ยังไม่ถึงเวลานำเสนอก็ไปเข้าฟังห้องที่เราสนใจได้เหมือนกัน

วันแรกที่ไปถึงสนามบิน ก็โบกแท็กซี่เข้าโรงเรมและไปหาอะไรกินก่อน อากาศค่อนข้างอบอ้าวมาก บ้านเมืองดูแออัดกว่าในกรุงเทพ มาพูดถึงประสบการณ์ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่

  • วันแรกลองเดินไปมหาลัยจากโรงแรมเพื่อเช็คเวลาก่อนวันจริง เจอสุนัขจรจัดนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น สามวันหลังจากนั้นมันตาย!! ก็คือไม่มีเทศบาลมาเก็บ นอนกลางถนนเลย
  • แถวนั้นแม้จะอยู่ในมะนิลา แต่มีคนขอทานเยอะมากอยู่ตามทาง ต้องระวังของเหมือนกัน
  • street food นี่ไม่ต้องพูดถึง คือไม่กล้ากินเลย (เล่าให้ฟังว่าเดินผ่านร้านขายลูกชิ้นปิ้ง พอคนซื้อเสร็จเค้าจะให้เติมน้ำจิ้มเอง แต่สิ่งที่เห็นคือคนซื้อจะยืนกินตรงนั้นเลย พร้อมเอาไม้ลูกชิ้นจิ้มในถังรวมไปด้วยระหว่างกิน โอ้ววว พอผ่านร้านถั่วทอด ก็คือทอดในน้ำมันไม่เดือดเหมือนแช่ไว้ แบบอมน้ำมันเต็มๆ งงๆนะ)
  • รถคือบีบแตรสนั่นเมือง เสียงดังมากก บีบตลอดเวลาแม้จะไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน (คือทักทายก็บีบแตรใส่กัน) โดยเฉพาะรถ Jeepney ซึ่งเป็นรถสองแถวท้องถิ่นของฟิลิปปินส์
  • วันที่สองไปกินไก่ทอด Jollibee ซึ่งเป็นร้านไก่ทอดคล้ายของ KFC แต่ดังมากที่นี่ จนมีหลายประเทศซื้อแฟรนไชส์ไปเปิด เรื่องของเรื่องคือระหว่างรออาหารเห็นมีคนไร้บ้านแอบเข้ามากินของเหลือที่คนทิ้งไว้บนโต๊ะ แล้วคงมีคนไปแจ้งตำรวจ เค้ามาลากคอออกไปจากร้านเลย คนนั้นก็ร้องลั่น คือโดนลากไปกับพื้นแบบดิ้นๆ เราก็ตกใจไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มีแค่ด้านไม่ดีนะ แต่สิ่งที่ประทับใจน่าจะเป็นงานประชุมมากกว่า เพราะได้มีโอกาสคุยกับผู้ร่วมงานอื่นๆ ที่มาจากหลายประเทศ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกและอาจารย์มหาวิทยาลัยจากภูมิภาคเอเชีย ทั้งคนจีน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย เวียดนาม ฯลฯ คือเป็น Asian Empowerment มาก โดยในงานจะมี keynote speaker มาพูดประเด็นที่น่าสนใจ งานที่เค้าทำวิจัย และแนะนำโปรแกรมเรียนต่างๆ (มีอาจารย์จากธรรมศาสตร์มาพูดด้วย) ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับงาน และเรื่องบ้านเมืองทั้งหลาย สนุกและเปิดมุมมองมาก

ในช่วงเย็นของทุกวันเจ้าภาพจะมีเลี้ยงรับรองแขกที่มาร่วมงาน และมีจัดการแสดงพื้นบ้านให้ดูเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรม ส่วนวันสุดท้ายพีคมาก เพราะมี Leni Robredo รองประธานาธิดีฟิลิปปินส์ มากล่าวปิดงาน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเค้าคือใคร แต่มีการรักษาความปลอดภัยสูงมาก คือเมื่อ Leni เดินทางมาถึงงาน เจ้าหน้าที่จะปิดประตูล็อคไม่ให้คนในหรือคนนอกเข้าออก ประเด็นคือตอนนั้นนั่งมานานแล้วอยากเข้าห้องน้ำมาก ปวดจนเกือบทนไม่ไหว พอเค้าปิดงานจบเท่านั้นก็รีบพุ่งตัวเข้าห้องน้ำทันที 5555

ก่อนกลับกรุงเทพก็ขอแวะเที่ยวซักหน่อย (ใช้เงินเบี้ยเลี้ยงของตัวเอง) ได้ไป Fort Santiago ซึ่งเป็นป้อมสำคัญที่สร้างในช่วงที่ฟิลิปปินส์ตกเป็นอาณานิคมของสเปน ต่อมาในสมัยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้ยึดป้อมปราการแห่งนี้เพื่อจัดตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์ นับว่าป้อมนี้มีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก จริงๆเสียดายว่าอยากเที่ยวมากกว่านี้ แต่เรามีเวลานิดเดียวก่อนขึ้นเครื่อง และเพราะมาทำงานด้วย คราวหน้าถ้ามีโอกาสก็อยากมาเที่ยวมะนิลาเต็มๆซักครั้ง (แม้ว่าจะไม่ได้ประทับใจเมืองมากนัก แต่ประวัติศาสตร์เค้าน่าสนใจมาก)

จบการรีวิวการไปทำงานราชการต่างประเทศที่ฟิลิปปินส์เพียงเท่านี้ คราวหน้าจะไปที่ไหนอีกรอติดตามได้เลยยย

Leave a comment